โจ หลุยซ์ กับตำนานแมตช์การแข่งขันที่ถูกยกย่อง เส้นทางของอดีตยอดนักมวย
โจ หลุยซ์ กับตำนานแมตช์การแข่งขันที่ถูกยกย่อง โจหลุยส์ นักมวย กับเรื่องราวน่าสนใจ ในโลกของยอดนักมวย กับเส้นทางน่าสนใจ และเรื่องราวที่ ถูกพูดถึง จนปัจจุบัน และแมตช์การแข่งขัน ที่กลายเป็นตำนาน
โดยโจ หลุยส์ชื่อนี้ อาจจะเป็น ชื่อของนักมวยรุ่นแชมป์เฮฟวี่เวต ที่ไม่คุ้นหูคนไทย มากนัก อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวอเมริกันแล้ว นี่คือนักชกที่เป็น ฮีโร่ของประเทศ ที่แฟนมวย และนักชกอเมริการู้จักกัน เป็นอย่างดี
โจนั้นมาจาก ครอบครัวชั้นแรงงาน ที่ย้ายจากเมืองเล็กๆ ในรัฐอลาบาม่า เข้ามาหางาน ทำในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน จากการถูกคุกคามเรื่องสีผิว ณ เวลานั้นเขามีอายุแค่ 12ปี แต่ก็ต้องเริ่มทำงานช่วยครอบครัวแล้ว เว็บดูบอลสดฟรี
อาชีพของโจ ในตอนนั้นคือ การเป็นเด็กส่งน้ำแข็ง เมื่อความจนมันน่ากลัว และการส่งน้ำแข็ง ทำให้เขายัง ต้องอดมื้อกินมื้อ โจจึงใช้ช่วงเวลาหลังเลิกงาน เข้าไปฝึกชกมวย กับศูนย์นันทนาการ
และพัฒนาเยาวชนท้องถิ่น พร้อมความหวังว่า การเลือกใช้แรงแบบนี้ จะนำพาไปสู่ เส้นทางที่ถูกต้อง และทำเงินได้ มากกว่าการยก น้ำแข็งไปวันๆ โจคือคนตัวใหญ่ ที่หมัดหนัก และมีความว่องไว
ดังนั้นเขาจึงพัฒนา ตัวเองได้รวดเร็ว ในช่วงการต่อย ระดับสมัครเล่น ภายในระยะเวลาแค่ 3ปี ก็กลายเป็นยอดมวย และคว้ารางวัล นวมทองคำ หรือที่เปรียบ ได้กับจุดสูงสุด ของชีวิตนักมวยสมัครเล่น
และเขาก็เทิร์นโปร ตอนอายุ 20ปี ทุกสายตาจับจ้อง การเข้ามาของ เจ้าของฉายา เดอะ บราวน์ บอมเบอร์ เพราะเขาเป็น มวยประเภท หมัดหนักแบบธรรมชาติ ว่ากันว่านักชกอย่าง โจ เฟรเซียร์, ร็อคกี้ มาร์เซียโน
หรือ ไมค์ ไทสัน ที่ถูกยกย่องว่า พลังหมัดรุนแรงโดนจังๆ น็อคแน่นอน ยังมีความต่าง กับหมัดของโจ เพราะหมัดของโจ นั้นสามารถน็อค คู่ต่อสู้ได้โดยการชก แบบธรรมดา ต่างกับทั้ง 3 คนก่อนหน้านี้ที่หนักด้วย ความแรงจากการปล่อยหมัด
โจ หลุยซ์ กับตำนานแมตช์การแข่งขันที่ถูกยกย่อง สร้างประวัติศาสตร์และกลายเป็นยอดนักมวยแห่งยุค
หลังจากเทิรน์โปร อย่างเป็นทางการ เส้นทางของยอดนักมวย โจหลุยส์ ประวัติ ที่มีสไตร์การชก ไล่เก็บคู่แข่งไล่มาเรื่อยๆ ไม่ว่าจากทั้งยุโรป อเมริกาใต้ หรือแม้แต่มวยอเมริกันดีๆ ก็เสร็จโจ หลุยส์หมด จนสุดท้ายก็ได้แชมป์รุ่นเฮฟวี่เวต
มาครองจากการคว่ำ เจมส์ แบรดด็อค ในปี 1937 หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครต้านทาน เขาได้อีกเลย ไฟต์สร้างชื่อของโจ หลุยส์ที่โด่งดัง ไปทั่วโลกคือ การเอาชนะ มักซ์ ชเมลิ่ง นักชกจากเยอรมันในยุคที่
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และ นาซี ยังปกครอง ประเทศ ซึ่งในไฟต์เมื่อปี 1938 นั้นเป็นการเจอ กันของ 2 มวยที่ดีที่สุด จากแต่ละฟากโลก และเหมือนเป็นสงครามย่อยๆ เลยทีเดียว เพราะในด้านการเมืองและการทหาร
สหรัฐอเมริกา และ เยอรมัน ก็ยังมีเหตุการณ์ตึงๆ กันเสมอ ตัวของโจ นั้นเคยแพ้ชเมลิ่ง มาแล้ว 1ครั้ง เมื่อ2 ปีก่อนหน้านี้ แถมยังเป็น ความพ่ายแพ้ครั้งแรก บนสังเวียนอีกด้วย ทว่าครั้งนี้ซึ่งเป็นไฟต์ล้างตา โรแบร์โต้-ดู-รัน
โจฝึกหนักยิ่งกว่าเดิม และเชื่อว่านี่ คือการเดิมพันระดับประเทศ และมันทำให้เขาเอาชนะ ชเมลิ่งได้ด้วย การน็อคตั้งแต่ยกแรก ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่า หมัดของเขาหนักจริง คือข่าวที่ว่ามักซ์ ชเมลิ่ง
ซึ่งโดนโจ หลุยส์ซัด 1หมัดเน้นๆ จนแพ้น็อค ต้องรักษาตัวหลังไฟต์ ดังกล่าวยาวนานกว่า 3เดือนเลยทีเดียว นักมวยตอนแก่ นั่นคือเหตุการณ์ ที่ทำให้โจ หลุยส์เป็นฮีโร่ของ ชาวอเมริกัน และจากนั้นก็ แทบไม่เคยมีนักมวยคนไหน
ที่เข้ามาเป็นงานยาก ของเขาเลย โจทำสถิติป้องกันแชมป์เฮฟวี่เวต ได้นานที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยระยะเวลากว่า 11 ปีนี่คือเรื่องราวและสถิติ ความยิ่งใหญ่ของ โจชัยชนะของเขา ทำให้ผู้แพ้ทุกคน แทบไม่ถูกพูดถึง
โจ หลุยซ์ กับตำนานแมตช์การแข่งขันที่ถูกยกย่อง ผู้ท้าชิงที่ดีที่สุดที่กลายเป็นแมตช์ประวัติศาสตร์วงการมวย
โดยในไฟต์ระหว่างโจ หลุยส์กับ บิลลี่ คอนน์ นักชกที่แพ้มากว่า 10 ไฟต์ ในปี 1941 นักมวยที่เก่งที่สุดใน โลก ตลอดกาล นั้นกลับได้รับความสนใจ ในระดับเดียวกัน แบบไม่น่าเชื่อ แม้ว่าระดับ ความสูสีก่อนขึ้นชก แทบจะมองไม่เห็นโอกาสของ ผู้ท้าชิงเลยแม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะด้วยเรื่องสถิติ, สไตล์, ชื่อเสียง หรือเนื้อตัวก่อนขึ้นเวที บิลลี่ คอนน์ มาได้อย่างไร และกล้าเผชิญหน้ากับโจ หลุยส์เพราะอะไร นั่นคือสิ่งที่ผู้คนอยากรู้ เพราะความเป็น รองเรื่องน้ำหนักตัวที่มากถึง 25 ปอนด์
น้ำหนักตัวของ คอนน์เดิมทีอยู่ที่ 170ปอนด์ แต่เขาต้องทำน้ำหนัก เพิ่มสุดชีวิต เพื่อให้ได้ 180ปอนด์ สำหรับชกในรุ่นเฮฟวี่เวต ครั้งแรกกับโจ หลุยส์ซึ่งการต่อ น้ำหนักแบบนี้ แทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะได้เห็น จากมวยรอง
และนั่นเองคือ เหตุผลที่แฟนๆ ทั่วประเทศอยากจะเห็น จะมีอะไรสนุก ไปกว่าการได้ เห็นฮีโร่ของประเทศ ไล่ถลุงรอบเวที ให้เป็นขวัญตาสักครั้ง เสียงระฆังดังขึ้น โจทำตามความตั้งใจ และออร่าพลังที่แผ่ออกมา
เขาอยากจะกลับบ้านเร็วๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เขาเล่นงาน ที่หน้าท้องของบิลลี่ คอนน์จนเกือบจุก ในยกแรก หลังจากนั้นยกที่สอง คอนน์ ต้องหนีอย่างเดียว เพราะเขาแทบไม่ได้ ออกหมัดชัดๆ เลย แม้แต่หมัดแย็ปก็ตาม
อย่างไรก็ตามเมื่อ เริ่มยก3 คอนน์กลับมาเป็นฝ่ายพลิกเกม แบบไม่หน้าเชื่อ เขาเปลี่ยนจากถอยหนีเป็นการเต้นฟุตเวิร์ก ขยับตัวเปลี่ยนท่าอย่างต่อเนื่อง และเริ่มปล่อยหมัด จิ้มเข้าหน้าเข้าตา โจได้แบบ กลายเป็นคนละคน
สุดยอดการแข่งขันและ แมตช์ในความทรงจำที่ถูกพูถึงจนกนะทั่งปัจจุบัน
โดยในศึกบนสังเวียนวันนี้ เป็นการต่อสู่แบบดุเดือด ที่ทำให้เป็นอีกหนึ่ง แมตช์การแข่งขันสุดคลาสสิก ที่ต้องแข่งขันกัน ถึงยกที่13 ยกที่ 13 คือยกที่บิลลี่ คอนน์กำลังจะ กลายเป็นตำนานมวยโลก
อีกไม่กี่ก้าวไม่กี่ยกจากนี้ เขาจะกลายเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวตด้วย มวย เก่งที่สุดในโลก การคว่ำนักชกขวัญใจ อันดับ ง1 ของประเทศ สมองของเขา ล่องลอยไปไกลถึงไหนต่อไหน ภาพในอดีตจาก การปิดยิมซ้อมแบบเอาเป็นเอาตาย
เพื่อไฟต์นี้สลายไป ก่อนขึ้นยกที่ 13 จอห์นนี่ เรย์ พี่เลี้ยงของบิลลี่ คอนน์ตบที่ไหล่เขา และพยายามจะ บอกว่ายังไงเสีย ก็ชนะแน่ ทำเหมือนเดิม ตั้งรับ อยู่ให้ห่าง และสวนกลับให้ไว ทว่า บิลลี่ หันมายักคิ้วให้
และตอบกลับว่า ไม่ล่ะผมจะเดิน ลงไปน็อคเขาในยกนี้ ซึ่งน้คือความประมาท และในตอนนั้น พี่เลี้ยงก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาก็มองว่า ยังไงโอกาศที่ บิลลี่จะพ่ายแพ้นั้น เป็นไปได้ยากมากหาก เทียบกันดูแล้ว
ยกสุดท้ายกับแมตช์คลาสสิก ที่ถูกพูดถึงจนยุคปัจจุบันที่เหล่าแฟนมวยไม่ควรพลาด
แฟนๆ กว่า 55,000คน ไม่เคยคิดว่า จะได้เห็นสิ่งนี้กับตาตัวเอง นัก มวยไทย ระดับโลก เพราะระฆังยกที่ 13 ดังเป๊งบิลลี่ เดินจ้ำเข้าหา โจทันที การฝันหวานว่า จะคว่ำตำนานของ มวยโลกทำให้ เขาประมาทโดยไม่รู้ตัว
เมื่อบิลลี่เลือกเดินเข้าหา ก็เหมือนการส่งกล่องของขวัญมอบให้กับ โจเพราะอยู่ๆ คนที่หลบเขาได้ตลอดกลับ เดินมาเข้าระยะ ทำการของเขาเสียอย่างนั้น บิลลี่เจ้าแห้งแห่งพิตสเบิร์ก ล้มลงกับพื้นและ สุดท้ายถูกนับ 10 แพ้ไปในที่สุด